สวัสดีครับท่านผูอ่าน
ผมได้มีโอกาสไป "ให้ความรู้เพิ่มเติม" มิอาจใช้คำว่า "สอน" ให้แก่นักศึกษาหลายสถาบัน ได้พบได้เห็นปัญหาต่างๆมากมายในด้านการแสดง ซึ่งสามารถแก้ไขได้หากทุกคนมองเห็นคุณค่าของ วิชาการละคร
สิ่งแรกที่ผมมักจะถามนักศึกษารายตัวก่อนทำการให้ความรู้เพิ่มเติมคือ ทำไมถึงเลือกเรียนวิชาการละคร หรือเรียนวิชาการแสดง ผมได้ฟังคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่แล้ว รู้สึกหดหู่กับระบบการศึกษาบ้านเราเต็มที ส่วนใหญ่จะตอบว่า "มันได้คะแนนง่ายดีค่ะ" หรือ "เพื่อนชวนค่ะ" หรือ "หนูไม่รู้จะลงอะไรค่ะ เพราะอย่างอื่นมันยาก" น้อยคนที่จะตอบว่า "รักการแสดงค่ะ" ซึ่งผมก็คิดว่า เออนะ ถ้าพวกเขารู้จักว่าการแสดงคืออะไร พวกเขาคงตอบเหมือนกันว่ารักการแสดง แต่นี่เพราะไม่รู้จัก เลยยังไม่รัก หรือถ้ารู้แล้ว จะมาเรียนให้เมื่อยตุ้มทำไม
ระบบการศึกษาของเรา สอนให้เด็กใช้ทุกวิถีทางในการที่จะเสาะแสวงหาเกรดเพื่อให้จบการศึกษา มากกว่าให้เด็กได้มีความรู้อย่างจริงๆจังๆ อ.จ.ส่วนใหญ่ก็สอนในชั่วโมงแบบงั้นๆ อยากรู้ละเอียดต้องไปเรียนพิเศษ จนบางทีก็เป็นข่าวให้เราได้อ่านกัน นักศึกษาพลีกายแลกเกรดบ้าง โกงการสอบบ้าง เพื่อขอแค่จบเท่านั้น
การเรียนการสอนการละครในมหาวิทยาลัยนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะขาดบุคลากรที่จะมาสอนด้านการแสดง พวกเรา(เด็กละคร อักษร) จึงมักถูกรับเชิญไปเป็นอ.จ.พิเศษบ้าง วิทยากรรับเชิญบ้าง หรือบางที่จ้างเป็นอ.จ.ประจำไปเลย เช่น อ.นก และ อ.หน่อง สอนที่ ม.รังสิต เป็นต้น และการสอนก็สอนได้แค่ ผิวเผิน ไม่สามารถลงลึกได้ เพราะติดเรื่องเวลาเรียน และความต่อเนื่องของวิชา ถ้านักศึกษาคนไหนโชคดี มีหัวทางนี้ก็จะเข้าใจได้เร็ว
ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการแสดงของนักแสดงใหม่ๆ คือปัญหาเรื่องการเข้าไม่ถึงบทบาท หรือไม่รู้จะแสดงอย่างไร เพราะพวกเขา สมาธิผิดที่ นักแสดงส่วนใหญ่จะมัวแต่ห่วงบทบาทตัวเองบ้าง กลัวลืมบทบ้าง พูดออกมาโดยไม่มีความหมายข้างในบ้าง
การแก้ปัญหาง่ายๆขั้นต้นก็คือ อย่ามัวแต่ห่วงตัวเอง เราต้องศึกษาบทให้รู้ถึง "ความต้องการ" ของตัวละครนั้นๆในแต่ละสถานการณ์ แล้วเอาสมาธิของเรา ไปอยู่ที่ตัวละครอื่น ที่เราต้องมีความสัมพันธ์ด้วยให้มาก พูดอย่างนี้ หลายคนคงงง แล้วมันคืออะไรวะ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ในฉากนี้ ตัวละครที่เราแสดงนั้น ต้องการความรักจากผู้หญิงคนหนึ่ง เราก็ควรจะเอาสมาธิของเรา ไปอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น ดูและเอาใจใส่ รู้สึกรัก(เพราะอะไร) แล้วแสดงความรู้สึกนั้น "ตลอดเวลา" ไม่ใช่แสดงตอนเฉพาะที่เรามีบทพูด ฟังและชื่นชมในสิ่งที่หล่อนทำ มากกว่าจะมัวห่วงตัวเองว่า เราควรทำท่านั้นท่านี้เพื่อให้หล่อนรัก ถ้าเราเอา "สมาธิ" ของเรา ไปใส่ตัวละครที่เรามีความสัมพันธ์ด้วยมากเท่าไหร่ เราก็จะลืม "ความเป็นตัวตน" ของเรามากขึ้นเท่านั้น และเราก็จะแสดงไปอย่างธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องถามตัวเองว่า "แล้วกูจะแสดงยังไง(วะ)"
2 ความคิดเห็น:
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะที่ให้ความรู้ที่ดีขนาดนี้
คือวันที่ 20 กันยานี้ สอบ มศว. การแสดงและกำกับการแสดงค่ะ
ข้อความของคุณน้าทำให้รู้อะไรมากขึ้นลึกซึ้งขึ้นเยอะเลย
ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ เเล้วจะเข้ามาอ่านบ่อยค่ะ
สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาปีที่2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่มีภาควิชาที่เรียนเกี่ยวกับศิลปะการแสดง(การละคร)โดยตรง บังเอิญวันนี้พึ่งกลับมาจากเรียนวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การละครแล้วว่าง จึงเข้ามาหาข้อมูลในอินเตอร์เนตดูเล่นๆและเจอบล็อกคุณน้าเข้าพอดี อยากบอกว่าบล็อกของคุณน้ามีประโยชน์มากๆเลยครับ ต่อการเรียนของผมและผู้รักในการละครหลายๆคน เป็นกำลังใจให้คุณน้านำข้อมูลดีๆหรือประสบการณ์ดีๆมาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น