นายอำนาจ (รอง) เค้ามูลคดี
อารอง หรือพ่อรอง เป็นคนที่มี “วินัย” ในการทำงานสูงมาก เหมือนนักแสดงรุ่นเก่าๆที่ข้าพเจ้าได้พบมาคือ รักษาเวลา อารองและนักแสดงรุ่นเก่าจะมาก่อนเวลานัดเสมอ จะถ่ายหรือไม่ถ่ายก็ไม่บ่น มาถึงก็ทานข้าว แล้วก็หามุมสงบท่องบท (ซึ่งได้ท่องมาตั้งแต่ได้รับบทแล้ว) ไม่เร่ง ไม่หงุดหงิด เป็นกันเอง จะรอนานเท่าไหร่ก็ไม่ว่า เพราะเรารับงานมาแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ข้าพเจ้าคิดว่า วินัยในการแสดงแบบนี้ หายากยิ่งในนักแสดงปัจจุบัน
อารองมักพร่ำสอนข้าพเจ้าเสมอๆว่า “ไอ้แก้ว ไม่ว่าเอ็งจะทำอะไรก็ตาม อารองขอให้แก้วมี <สติ> เสมอ เพราะถ้าเรามีสติ ก็จะรู้ตัว และทำงานได้สำเร็จลุล่วง นักแสดงบางคนไม่มีสติในการแสดง แต่จะไปเอาสตางค์เค้า ใครเค้าจะให้เอ็งวะ นอกจากสติก็ต้องมีวินัย.......”
ข้าพเจ้าไปค้นหาความหมายของคำว่า “สติ” มาจากเวป www.dhammaforlives.com ได้ดังนี้
สติ หมายถึง ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจหรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง,จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์)
สติ แปลว่าความระลึกได้ความนึกขึ้นได้หมายถึงอาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำจะพูดได้นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืมไม่เผลอไผลฉุกคิดขึ้นได้ระงับยับยั้งใจได้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความไม่ประมาท
สติเป็นธรรมมีอุปการะมากคือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอป้องกันความเสียหายเบื้องต้นเป็นเหตุให้ฉุกคิดยับยั้งชั่งใจไม่บุ่มบ่ามและกระตุ้นให้นึกถึงชีวิตจนทำให้เสียสละทำความดีงามต่างๆได้แต่หากขาดสติแล้วจะเป็นเหตุให้ทำอะไรผิดพลาดพลั้งเผลอและเสียหายร่ำไป
(พระธรรมกิตติวงศ์ พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด, วัดราชโอรสรามกรุงเทพฯ พ.ศ. 2548)
อารอง หรือพ่อรอง เป็นคนที่มี “วินัย” ในการทำงานสูงมาก เหมือนนักแสดงรุ่นเก่าๆที่ข้าพเจ้าได้พบมาคือ รักษาเวลา อารองและนักแสดงรุ่นเก่าจะมาก่อนเวลานัดเสมอ จะถ่ายหรือไม่ถ่ายก็ไม่บ่น มาถึงก็ทานข้าว แล้วก็หามุมสงบท่องบท (ซึ่งได้ท่องมาตั้งแต่ได้รับบทแล้ว) ไม่เร่ง ไม่หงุดหงิด เป็นกันเอง จะรอนานเท่าไหร่ก็ไม่ว่า เพราะเรารับงานมาแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ข้าพเจ้าคิดว่า วินัยในการแสดงแบบนี้ หายากยิ่งในนักแสดงปัจจุบัน
อารองมักพร่ำสอนข้าพเจ้าเสมอๆว่า “ไอ้แก้ว ไม่ว่าเอ็งจะทำอะไรก็ตาม อารองขอให้แก้วมี <สติ> เสมอ เพราะถ้าเรามีสติ ก็จะรู้ตัว และทำงานได้สำเร็จลุล่วง นักแสดงบางคนไม่มีสติในการแสดง แต่จะไปเอาสตางค์เค้า ใครเค้าจะให้เอ็งวะ นอกจากสติก็ต้องมีวินัย.......”
ข้าพเจ้าไปค้นหาความหมายของคำว่า “สติ” มาจากเวป www.dhammaforlives.com ได้ดังนี้
สติ หมายถึง ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจหรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง,จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์)
สติ แปลว่าความระลึกได้ความนึกขึ้นได้หมายถึงอาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำจะพูดได้นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืมไม่เผลอไผลฉุกคิดขึ้นได้ระงับยับยั้งใจได้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความไม่ประมาท
สติเป็นธรรมมีอุปการะมากคือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอป้องกันความเสียหายเบื้องต้นเป็นเหตุให้ฉุกคิดยับยั้งชั่งใจไม่บุ่มบ่ามและกระตุ้นให้นึกถึงชีวิตจนทำให้เสียสละทำความดีงามต่างๆได้แต่หากขาดสติแล้วจะเป็นเหตุให้ทำอะไรผิดพลาดพลั้งเผลอและเสียหายร่ำไป
(พระธรรมกิตติวงศ์ พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุดคำวัด, วัดราชโอรสรามกรุงเทพฯ พ.ศ. 2548)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น