A PART OF MY LIFE

A PART OF MY LIFE
เป็นเวปในฝัน ที่ทำเพื่อ "บูชาครูการละคร" ทั้งหลายที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาศิลปการละครให้แก่ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าได้นำความรู้เหล่านั้นมาหากินเลี้ยงชีพมาตราบจนทุกวันนี้ เช่น ครูใหญ่ อ.สดใส พันธุมโกมล,ครูช่าง อ.ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง,ครูแอ๋ว อ.อรชุมา ยุทธวงศ์,ครูอุ๋ย อ.พรรัตน์ ดำรุง,พี่อี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต,อารอง เค้ามูลคดี,อาโต รัชฟิล์ม และอีกหลายๆท่าน โดยนำคำสอนของบรรดาครูทั้งหลาย และเหล่าพี่น้องภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่รัก "ละครเวที" ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2551

คนดูละคร สำคัญอย่างไร





ครูช่างเล่าให้ฟังว่า หัวใจของละคร ที่สำคัญที่สุดคือคนดู วันนี้ วินาทีนี้ ต้องใช้คำว่า คนดูสำคัญที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้ เราไม่ดูละคร(เวที)กัน อาจเป็นเพราะว่า บรรยากาศมันไม่เอื้อ นึกย้อนกลับไปเมื่อ 30-40ปีเนี่ยะ พอลิเกมาเล่นที่หมู่บ้าน รีบฝัดข้าว รีบทำงาน รีบเอาลูกอาบน้ำอาบท่า ช้าไม่ได้ รีบวิ่งข้ามคันนาไปเพื่อไปดูลิเก บรรยากาศ(สมัยนั้น)มันเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่สมัยก่อน คนดูละคร แต่สมัยนี้ คนไม่ดูละคร ทั้งๆที่ ชาติทั้งชาติ ตลกมากนะที่คนไทยทุกคนรู้จักรามเกียรติ์กันทั้งชาติ ก็แสดงว่า คนไทยเป็นนักดูที่ดี แล้วพอมีปัญหาที่ว่า คนไทยไม่ดูละครกัน นี่คือสาเหตุที่ครูมาทำคณะละครมรดกใหม่ เพราะคิดว่าคนจะชอบดูละคร หลังจากทำไปสักพัก คิดว่าคนอยากดูละคร แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว เอาแบบชีวิตรูปแบบปัจจุบันนี้ คนไม่ชอบดูละคร เอาคนฝีมือดีๆมา แต่คนก็ไม่ดูละคร สรุปแล้วสิ่งที่เราจะสร้างไม่ใช่สร้างละคร แต่สร้างคนดูละคร เพราครูเชื่อว่า "คนดูคือนักแสดงละครที่ดีที่สุด" นี่คือหัวใจของที่นี่เลย คือการทำให้คนดูนั้นดูละครให้ได้ จู่ๆจะเดินไปบอกให้คนนั้นคนนี้มาดูละคร มันเป็นไปได้ยาก เพราะเดี๋ยวนี้โรงเรียนต่างๆ การดูละครเป็นแค่กิจกรรมให้เด็กแค่นั้น ไม่ได้ดูเพราะอยากดูจริงๆ เพราะไม่รู้ ขี้เกียจสอนเด็กก็ให้เด็กมาดูละครเป็นแค่กิจกรรมเฉยๆ แต่ไม่ได้ดูเหมือนที่ไปดูลิเกอะไรต่างๆ นานา ไปดูแล้วเพื่อเอาความรู้มา พอไปดูลิเกที่วัดใหญ่มาแล้วมาสอนลูกสอนหลานอีก คติต่างๆ เดินกลับบ้านก็ยังคุยกัน แล้วนึกถึงตอนนั้นสิ ประเทศเรามีความสุขแค่ไหนเมื่อชาติบ้านเมืองเต็มไปด้วยคนดูละคร

ไม่มีความคิดเห็น: