A PART OF MY LIFE

A PART OF MY LIFE
เป็นเวปในฝัน ที่ทำเพื่อ "บูชาครูการละคร" ทั้งหลายที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาศิลปการละครให้แก่ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าได้นำความรู้เหล่านั้นมาหากินเลี้ยงชีพมาตราบจนทุกวันนี้ เช่น ครูใหญ่ อ.สดใส พันธุมโกมล,ครูช่าง อ.ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง,ครูแอ๋ว อ.อรชุมา ยุทธวงศ์,ครูอุ๋ย อ.พรรัตน์ ดำรุง,พี่อี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต,อารอง เค้ามูลคดี,อาโต รัชฟิล์ม และอีกหลายๆท่าน โดยนำคำสอนของบรรดาครูทั้งหลาย และเหล่าพี่น้องภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่รัก "ละครเวที" ครับ

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551

เมื่อข้าพเจ้าได้พบกับ ละครเวที ตอนที่1

เมื่อข้าพเจ้าได้พบกับ ละครเวที ตอนที่1

อาจกล่าวได้ว่า การแสดงได้ผสมผสานอยู่ในสายเลือดของข้าพเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่คุณพ่อและคุณแม่ข้าพเจ้าเป็นครู คุณพ่อชื่อ อ.วัฒนา สอนวิชาปรัชญา คุณแม่ชื่อ อ.ชูจิตต์ สอนภาษาอังกฤษ และทั้งสองท่านมักสนับสนุนให้ข้าพเจ้าได้แสดงออกตั้งแต่ยังเล็กๆ เช่น ให้ไปออกรายการทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม (สมัยนั้น ปัจจุบันคือ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.) เวลาที่สวนสุนันทามีงานของวิทยาลัย (ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา) คุณแม่มักให้ข้าพเจ้าและน้องๆ (เสนาเพชร และหยก)ได้มีส่วนร่วมในการแสดงแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ในสมัยนั้น ข้าพเจ้าเรียนที่ประถมสาธิตของสวนสุนันทา อาศัยอยู่ที่บ้านพักครูในสวนสุนันทา บรรดาครูทั้งหลายก็เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือเพื่อนของคุณพ่อและคุณแม่ของข้าพเจ้า เท่านั้นยังไม่พอ ลูกๆของครูเหล่านั้นก็เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องของพวกข้าพเจ้าด้วย ทุกคนจะรู้จักกันหมด ด้วเหตุนี้ข้าพเจ้าเลยไม่กล้าทำอะไรผิดระเบีบย และที่สำคัญ ต้องเรียนให้เก่ง เพราะข่าวจะแพร่กระจายไปเร็วมากถ้าใครทำดี หรือทำไม่ดี ด้วยอานิสงส์นี้ ทำให้ข้าพเจ้าเรียนเก่งไปโดยปริยาย เพราะไม่อยากให้บรรดาครูๆที่สอน ซึ้งล้วนรู้จักดีกับครอบครัวข้าพเจ้ามาฟ้องคุณพ่อคุณแม่ และอย่างน้อยเรื่องการเรียนดีของข้าพเจ้า คุณพ่อคุณแม่ได้ภาคภูมิที่จะเอาไปเล่า “อวด” ชาวบ้านเขาได้บ้าง ใครที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นครูจะรู้ซึ้งดี

ในสมัยนั้น มหรสพจะหาดูได้ค่อนข้างยาก นอกจากงานใหญ่ๆจริงๆ โชคดีที่ท่านผ.อ.สมัยนั้น คุณหญิงกรองแก้ว ปทุมมานนท์ ข้าพเจ้าเรียกท่านว่า คุณย่า (ชื่อเล่นของข้าพเจ้า คุณย่าท่านเป็นคนตั้งให้ โดยเอาชื่อหลังของท่านมาตั้ง) ท่านเคยเขียนนิทานเด็กเป็นเล่มๆ ใช้ชื่อว่า "กรองแก้ว" ท่านสนับสนุนให้นักศึกษาได้มีการแสดงออกในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการแสดง มีงานแสดงที่หอประชุมสุนันทานุสรณ์บ่อยมาก คุณพ่อของข้าพเจ้ารับผิดชอบด้านนี้อยู่ ข้าพเจ้ามักติดตามท่านไปดูการแสดงบ่อยๆ จำได้ว่ามีละครเวทีเรื่องนึง ป็นตอนที่มีฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ข้าพเจ้าตามท่านไปอยู่ที่หลังเวที ด้วยความเป็นเด็ก (ประมาณ5ถึง6ขวบ) รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก ข้าพเจ้าเห็นเค้าเอาสังกะสีมาวางหลังฉาก มีลูกโบว์ลิ่งด้วย ก็คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของฉาก ที่ไหนได้ พอถึงฉากฝนตก พี่คนนึงเอาเม็ดข้าวโพด เม็ดถั่วเขียว มาเทใส่ สังกะสี ข้าพเจ้าเลยอ๋อ...เสียงฝนตก อาอ๋อย อ.พิมล สายจันทร์ดี แกเป็นช่างภาพของสวนสุนันทาก็มีหน้าที่กด FLASH อ๋อ....ฟ้าแลบ คุณพ่อผมมีหน้าที่ช่วยเขย่าสังกะสี (อีกอัน) อ๋อ เสียงฟ้าผ่า รุ่นพี่อีกคนเอาลูกโบว์ลิ่งมากลิ้งบนพื้นเวทีที่เป็นไม้ อ๋อ...เสียงฟ้าร้อง ในตอนนั้นข้าพเจ้าเห็นว่ามันน่าสนุกดี ยืนดูหลังเวทีสนุกกว่าหน้าเวทีอีก วิ่งกันวุ่นวาย ของก็เกะกะ เดี๋ยวคนนั้นวิ่งเข้า คนนี้วิ่งออก นั่นนับเป็นครั้งแรกๆที่ข้าพเจ้ารู้จักคำว่า ที

ไม่มีความคิดเห็น: