“อยากเล่นละครอีกจัง” ความรู้สึกนี้วนเวียนอยู่ในสมองของข้าพเจ้าตลอดมา เพราะตอนนั้น (เด็กๆ) เห็นว่า ถ้าได้เล่นละคร หรือร่วมกิจกรรมของสวนสุนันทาแล้ว ข้าพเจ้ามีความสนุก ได้เจอเพื่อนๆพี่ๆ ไม่ต้องเข้าห้องเรียน ได้เล่นเป็นตัวละครต่างๆ ได้ความรู้จากเรื่องที่เล่น เพราะส่วนใหญ่จะเอาเรื่องในวรรณคดีมาเล่น
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ประมาณปี2515 สวนสุนันทามีงานใหญ่อีกแล้ว โดยจะทำละครกลางแจ้ง เรื่อง ธรรมมา ธรรมะ สงคราม เป็นพิธีกวนน้ำอมฤตระหว่างเทวดา กับยักษ์ โดยเอาพญานาคมาพันรอบเขาพระสุเมรุ ฉากเป็นป่าหิมพานต์ มีภูเขา มีต้นไม้ แน่นอนต้องมีสัตว์ป่า ข้าพเจ้ามิรอช้า ไปหาครูจรูญศรี ครูเห็นข้าพเจ้าปุ๊บ ครูบอกว่า “แก้ว มีบทนึงเหมาะกับเธอมาก” ข้าพเจ้าดีใจมาก ได้เล่นละครอีกแล้ว “บทอะไรครับครู” ข้าพเจ้าถาม ครูบอก “ตัวละครนี้ต้องเธอเล่น คือตัวลิงที่อยู่ในป่าหิมพานต์ เธอกับเพชรเล่นเป็นลิง” ฮ่าๆๆๆๆๆ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้เล่นละครอีกแล้ว บทลิงก็ยังดี ต้องมีการซ้อมเดิน เกา ตีลังกา ต้องร้อง “เจี๊ยกๆ” ตอนที่ครูสอนให้เกา ข้าพเจ้าก็เกาแบบไม่รู้ ครูบอกว่า “ลิงต้องหงายมือเกาขึ้น ถ้าเกาลงเป็นอะไรรู้ไหม” “เป็นยักษ์ครับ” “ผิด เธอลองคิดดูให้ดี สัตว์อะไรที่เอามือเกาตัวเองแล้วคว่ำมือลง” “อ๋อ....หมาครับ” ครูจรูญศรียิ้มแล้วตอบข้าพเจ้าว่า “ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เมื่อเธอเล่นเป็นลิง ต้องเกาขึ้น อย่าเป็นลิงแบบหมา เข้าใจไหม” คำๆนี้ข้าพเจ้าจำได้จนปัจจุบันนี้ ลิงเกาขึ้น หมาเกาลง “ส่วนเรื่องท่าทางซุกซนของลิง ครูคงไม่ต้องสอนพวกเธอหรอกนะ” ครูพูดยิ้มๆ อะไรกันครับครู ผมว่าผมเรียบร้อยแล้วนะ ได้เข็มเด็กดีด้วย “ครูว่าลิงจริง ยังซนไม่เท่าพวกเธอ” แป่วววววววววว มีพี่อีกคนเค้าเล่นเป็นช้าง น่าสงสารเค้าเพราะข้าพเจ้าคิดว่าต้องร้อนและเมื่อยมาก เค้าต้องใส่ชุดช้าง สวมหัวช้าง แล้วที่สำคัญ เค้าต้องเดินแบบก้มๆตลอด มือสองข้างต้องจับขาช้างปลอม เค้าจะทำขาหน้าช้างปลอมให้ เพราะเวลาเดินเท้าทั้งสี่ข้างของช้างจะได้เท่ากัน ข้าพเจ้าชอบวิ่งไปกระโดดขี่หลังเล่น แล้วชอบทำหัวช้างของพี่เค้าหลุดบ่อยๆ ครูก็จะดุ แต่ข้าพเจ้ากระซิบบอกพี่เค้าว่า “พี่ครับ ผมแกล้งให้มันหลุดเอง เพราะตอนนั้น คนอื่นจะได้เห็นหน้าพี่ไง เค้าจะได้รู้ว่าพี่เล่นเป็นช้าง”
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ประมาณปี2515 สวนสุนันทามีงานใหญ่อีกแล้ว โดยจะทำละครกลางแจ้ง เรื่อง ธรรมมา ธรรมะ สงคราม เป็นพิธีกวนน้ำอมฤตระหว่างเทวดา กับยักษ์ โดยเอาพญานาคมาพันรอบเขาพระสุเมรุ ฉากเป็นป่าหิมพานต์ มีภูเขา มีต้นไม้ แน่นอนต้องมีสัตว์ป่า ข้าพเจ้ามิรอช้า ไปหาครูจรูญศรี ครูเห็นข้าพเจ้าปุ๊บ ครูบอกว่า “แก้ว มีบทนึงเหมาะกับเธอมาก” ข้าพเจ้าดีใจมาก ได้เล่นละครอีกแล้ว “บทอะไรครับครู” ข้าพเจ้าถาม ครูบอก “ตัวละครนี้ต้องเธอเล่น คือตัวลิงที่อยู่ในป่าหิมพานต์ เธอกับเพชรเล่นเป็นลิง” ฮ่าๆๆๆๆๆ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้เล่นละครอีกแล้ว บทลิงก็ยังดี ต้องมีการซ้อมเดิน เกา ตีลังกา ต้องร้อง “เจี๊ยกๆ” ตอนที่ครูสอนให้เกา ข้าพเจ้าก็เกาแบบไม่รู้ ครูบอกว่า “ลิงต้องหงายมือเกาขึ้น ถ้าเกาลงเป็นอะไรรู้ไหม” “เป็นยักษ์ครับ” “ผิด เธอลองคิดดูให้ดี สัตว์อะไรที่เอามือเกาตัวเองแล้วคว่ำมือลง” “อ๋อ....หมาครับ” ครูจรูญศรียิ้มแล้วตอบข้าพเจ้าว่า “ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เมื่อเธอเล่นเป็นลิง ต้องเกาขึ้น อย่าเป็นลิงแบบหมา เข้าใจไหม” คำๆนี้ข้าพเจ้าจำได้จนปัจจุบันนี้ ลิงเกาขึ้น หมาเกาลง “ส่วนเรื่องท่าทางซุกซนของลิง ครูคงไม่ต้องสอนพวกเธอหรอกนะ” ครูพูดยิ้มๆ อะไรกันครับครู ผมว่าผมเรียบร้อยแล้วนะ ได้เข็มเด็กดีด้วย “ครูว่าลิงจริง ยังซนไม่เท่าพวกเธอ” แป่วววววววววว มีพี่อีกคนเค้าเล่นเป็นช้าง น่าสงสารเค้าเพราะข้าพเจ้าคิดว่าต้องร้อนและเมื่อยมาก เค้าต้องใส่ชุดช้าง สวมหัวช้าง แล้วที่สำคัญ เค้าต้องเดินแบบก้มๆตลอด มือสองข้างต้องจับขาช้างปลอม เค้าจะทำขาหน้าช้างปลอมให้ เพราะเวลาเดินเท้าทั้งสี่ข้างของช้างจะได้เท่ากัน ข้าพเจ้าชอบวิ่งไปกระโดดขี่หลังเล่น แล้วชอบทำหัวช้างของพี่เค้าหลุดบ่อยๆ ครูก็จะดุ แต่ข้าพเจ้ากระซิบบอกพี่เค้าว่า “พี่ครับ ผมแกล้งให้มันหลุดเอง เพราะตอนนั้น คนอื่นจะได้เห็นหน้าพี่ไง เค้าจะได้รู้ว่าพี่เล่นเป็นช้าง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น